หนูอยากกินอะไร
หนึ่งในปัญหาของเด็กไทยทุกวันนี้ คือการได้กินนมแม่ในระยะเวลาอันสั้นกว่าที่ควรจะเป็น โดยมีตัวเลขพบว่าเด็กไทยได้กินนมแม่ถึง 6 เดือนเพียง 23.1% เท่านั้น โดยครอบครัวไทยส่วนใหญ่ให้เด็กเล็กกินนมผงทดแทนนมแม่ เป็นเหตุให้เด็กไม่แข็งแรง หรือมีพัฒนาการไม่สมวัย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วในนมแม่นั้นมีคุณค่ามากมาย
Hearing Test
วาระวันแม่ปี 2563 มูลนิธิพิพิธภัณฑ์แม่ เพจสายสะดือ และ สสส. ส่งหนังโฆษณาตัวใหม่ 'Hearing Test' สร้างสรรค์โดยครีเอทีฟไดเร็คเตอร์มือรางวัลอย่าง กิตติ ไชยพร จากทีมมานะ และผู้กำกับที่เชี่ยวชาญหนังเชิงทดลอง Social Experiment อย่าง กมลวัฒน์ ชูเตชะ จากบริษัท มีอะไร จำกัด มาท้าทายคนดูด้วยภารกิจชวน 6 คู่แม่ลูกที่มีปัญหาความสัมพันธ์ในรูปแบบที่หลากหลาย มาเชื่อมโยงสายสัมพันธ์ที่เปรียบได้ดัง 'สายสะดือที่หายไป' ด้วยการฟังเสียงลึกๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ในใจของอีกฝ่าย เพื่อให้ความสัมพันธ์ที่ปรักหักพัง ได้หวนคืนกลับมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกันอีกครั้ง
นางฟ้าน้อยกับแม่มดจิ๋ว
นางฟ้าน้อยกับแม่มดจิ๋วเพื่อนรักนอกจอ วันหนึ่ง..แม่มดจิ๋วพลาดตกจากไม้กวาดระหว่างที่ขี่ไม้กวาดบินมาหานางฟ้าน้อย แต่พอนางฟ้าน้อยเห็นเพื่อนตกไม้กวาดนอกจากจะไม่ช่วยแล้ว ยังกลับเห็นเป็นเรื่องตลกขบขัน นำรูปแม่มดจิ๋วหัวโนไปแชร์ลงในโลกโซเชียล… นางฟ้าน้อยกับแม่มดจิ๋ว หนังสือนิทานภาพสีสันสดใสและมีเนื้อหาที่สนุกน่าสนใจเหมาะสำหรับเด็กปฐมวัย ตัวนิทานแฝงไว้ด้วยข้อคิดเรื่องการบริหารเวลาการใช้สื่อดิจิทัล การรังแกกันในโลกออนไลน์และการรู้เท่าทันสื่อในโลกปัจจุบัน จึงเหมาะที่จะเป็นสะพานเชื่อมผู้ใหญ่และเด็กในการเรียนรู้เรื่องการใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์ไปด้วยกัน เรื่องราวของเพื่อนคู่หูนางฟ้าน้อยกับแม่มดจิ๋ว เมื่อนางฟ้าน้อยได้เข้าร่วมกลุ่มโซเชียลมีเดียและเริ่มแชร์ภาพของแม่มดจิ๋ว ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เปลี่ยนไป นางฟ้าน้อยจะแก้ปัญหานี้อย่างไร และแม่มดจิ๋วจะให้อภัยนางฟ้าน้อยหรือไม่ ติดตามได้จากวีดีโอนิทานเรื่องเลย..
นางฟ้าน้อยกับแม่มดจิ๋ว
นางฟ้าน้อยกับแม่มดจิ๋วเพื่อนรักนอกจอ วันหนึ่ง..แม่มดจิ๋วพลาดตกจากไม้กวาดระหว่างที่ขี่ไม้กวาดบินมาหานางฟ้าน้อย แต่พอนางฟ้าน้อยเห็นเพื่อนตกไม้กวาดนอกจากจะไม่ช่วยแล้ว ยังกลับเห็นเป็นเรื่องตลกขบขัน นำรูปแม่มดจิ๋วหัวโนไปแชร์ลงในโลกโซเชียล… นางฟ้าน้อยกับแม่มดจิ๋ว หนังสือนิทานภาพสีสันสดใสและมีเนื้อหาที่สนุกน่าสนใจเหมาะสำหรับเด็กปฐมวัย ตัวนิทานแฝงไว้ด้วยข้อคิดเรื่องการบริหารเวลาการใช้สื่อดิจิทัล การรังแกกันในโลกออนไลน์และการรู้เท่าทันสื่อในโลกปัจจุบัน จึงเหมาะที่จะเป็นสะพานเชื่อมผู้ใหญ่และเด็กในการเรียนรู้เรื่องการใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์ไปด้วยกัน
รวม 40 ประสบการณ์จริง 40 เส้นทางสู่การตื่นรู้ - เมย์ลภัส บุญสิทธิ์วิจิตร
เมย์ลภัส บุญสิทธิ์วิจิตร ผู้บริหารโค้ชชิ่ง (จิตตปัญญาศึกษา) ครั้งหนึ่งในอดีตเคยคิดสงสัยในชีวิตว่าเราเกิดมาทำไม จนกระทั่งวันหนึ่งได้มารับหน้าที่แม่ จากที่เคยคิดว่าชีวิตประสบความสำเร็จสามารถโค้ชผู้อื่นได้ แต่กับตนเองในความเป็นแม่ ได้แต่สงสัยว่า “ฉันจะเป็นแม่ที่ดีได้อย่างไร?” มันไม่มีกฎตายตัวเลย จึงเริ่มหันมาอยู่กับตัวเอง ฝึกฝนการภาวนา เปิดตาภายใน จึงพบว่าเราไม่รู้ แล้วทำอย่างไรจึงรู้ นั่นคือ การตื่นรู้คือการกลับมาสัมผัสกับธรรมชาติของใจเราอย่างซื่อตรง ยอมรับว่า “ลูกไม่ใช่ของเรา” จากนั้นก็ต้อนรับกับความจริงว่า “แม่อาจมีอิทธิพลในการเติบโตของลูกทั้งกายและใจ แต่ก็ไม่มีอำนาจใดที่จะเปลี่ยนแปลงความเป็นปัจเจกของลูกได้ ...การเป็นแม่จึงค้นพบความตื่นรู้ในใจตน...
ส่งความรักผ่านการออกกำลังกายจากแม่สู่ลูกภาวะออทิสติก
วรรณวิชญ์ เหล่าตระกูลงาม หรือ ปาล์ม ลูกชายของแม่อู๊ด ที่เริ่มเป็นเด็กออทิสติก ตั้งแต่ 4 ขวบ ด้วยแม่อู๊ดสังเกตอาการของคุณปาล์ม ว่าไม่พูดและม่สบตาม แม่อู๊ดคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวลูกสอง เลยตัดสินใจลาออกจากงานมาเลี้ยงดูลูกทั้ง 2 คน ด้วยความรัก ความเข้าใจ และเอาใจใส่ให้ลูกสามารถยืนหยัดในสังคมได้ แม่อู๊ดจึงค้นหาวิธีการเพื่อส่งเสริมพัฒนาการของคุณปาล์ม ด้วยการออกกำลังกายด้วย “การวิ่ง” เพราะการออกกำลังกายทำให้คุณปาล์มมีสมาธิ ช่วยลดพฤติกรรมก้าวร้าว รุนแรง นอกจากนี้การวิ่ง ยังเป็นกิจกรรมที่คุณปาล์มและแม่อู๊ดได้ใช้กิจกรรมด้วยกัน ผลพวงที่ได้คือ สุขภาพแข็งแรงทั้งแม่และ อ่านบทความเส้นทางสู่ความสุขเพิ่มเติม ได้ที่ www.happinessisthailand.com
คู่มือพ่อแม่ พัฒนาลูกน้อยด้วยหนังสือ ลูกรักกับหนังสือเล่มแรก
“หนังสือ” สิ่งมหัศจรรย์ที่ลึกซึ้ง พ่อแม่สามารถส่งมอบให้ลูกได้ตั้งแต่เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ การเลือกสรรหนังสือเล่มแรกเพื่ออ่านให้ลูกฟังเมื่ออยู่ในท้อง จะสร้างสายสัมพันธ์อันดีสุดแสนอบอุ่น และเมื่อลูกคลอดลืมตาดูโลก เสียงที่พ่อแม่อ่านหนังสือให้ลูกฟังจะเสริมและพัฒนาการการเรียนรู้ของลูกได้อย่างวิเศษ เมื่อลูกเติบโตการที่พ่อแม่อ่านหนังสือพร้อมกับลูกจะเป็นการบ่มเพาะการเรียนรู้ที่ดี ช่วยเสริมสุขภาวะทางปัญญา ทางสมองได้เป็นอย่างดี
วิชาชีวิต ตอน เตรียมลาจาก : เตรียมช่วงเวลาที่ต้องจากกัน คำตอบจากประสบการณ์ผู้ดูแล พ่อตุลย์ เพจแม่นุ่น
คุณอรทัย ชะฟู จิตอาสาเพื่อนร่วมเดินทางเยียวยาจิตใจผู้ป่วย และคุณวิทวัส โลหะมาศ (พ่อตุลย์) ผู้ดูแลแม่นุ่นผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย ให้จากไปอย่างสงบงดงามพร้อมแบ่งปันประสบการณ์ผ่านเพจแม่นุ่น ที่มีผู้ติดตามกว่า 600,000 คน ได้มาเล่าถึงประสบการณ์การเตรียมตัวเพื่อลาจากของผู้ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ว่า “การเตรียมลาจากไม่ใช่หน้าที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หากเป็นสิ่งที่ต้องสร้างคุณภาพชีวิตให้เกิดขึ้นร่วมกันทั้งผู้ดูแล และผู้ที่กำลังจะจากไป” โดยปกติผู้ป่วยก็มีภาวะเครียดอยู่แล้วจากโรคที่เป็น ผู้ดูแลจึงต้องไม่สร้างภาวะนั้นอีก ขณะเดียวกันผู้ดูแลต้องเรียนรู้และเข้าใจ เพื่อจัดการความเครียดของตนเองด้วยเช่นกัน เพื่อทำทุกช่วงเวลาที่มีอยู่ในขณะปัจจุบันให้ดีที่สุดเพื่อผู้ป่วยและผู้ดูแล เพื่อเตรียมตัวในการลาจากอย่างมีความสุข ผู้ดูแลต้องทำหน้าที่เสมือนเป็น “หมอน้อย” (Little Doctor) ที่อยู่เคียงข้างดูแลผู้ป่วยทั้งกายและใจ
เปิดหัวใจผู้ดูแล: ภาริอร วัชรศิริ กับ 11 ปีของการดูแลแม่ป่วยอัมพฤกษ์
“ความเศร้าอยู่กับเราแค่ชั่วคราว แต่ความเสียใจจะอยู่กับเราตลอดไป” ประโยคหนึ่งจากหนังสือ “นครสวรรค์” ที่พาย หรือ ภาริอร วัชรศิริ ชื่นชอบ พายให้ความหมายกับความเศร้าว่าคือห้วงอารมณ์ที่คิดถึงเมื่อไหร่ก็เศร้า และจะหายไปในวันหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไป แต่ความเสียใจจากการทำหรือไม่ทำอะไร เมื่อเวลาผ่านไปแล้วมันจะยังคงอยู่เป็นประสบการณ์หนึ่งในชีวิตที่ไม่เคยลืม สำหรับพายเธอได้ทำหน้าที่ในการดูแลแม่ที่เป็นอัมพฤกษ์ จากเส้นเลือดในสมองแตก มาเป็นเวลากว่า 11 ปี แม้วันนี้แม่ได้จากไปแล้ว พายยังคิดถึงแม่อยู่เสมอ และเธอได้ทำหน้าที่ดูแลแม่อย่างดีที่สุดแล้ว แม่เป็นคนป่วยที่มีความสุขที่สุดในโลก “เราไม่ได้ดูแลคนป่วยเพื่อคนป่วยอย่างเดียว แต่เราดูแลคนป่วยเพื่อดูแลเราเองด้วยเช่นกัน”