วิชาชีวิต บทที่ 2 Spiritual จิตวิญญาณ โดย ศ.แสวง บุญเฉลิมวิภาส และอรทัย ชะฟู
“ตายดี” เป็นสิ่งที่ผู้ป่วยระยะท้ายต้องการ แล้วทำอย่างไร เราจะต้อนรับความตายอย่างถูกวิธี ไม่เจ็บปวดทรมาน นั่นคือ เราต้องมีจิตสุดท้ายที่ดี ไม่เศร้า ไม่กังวล ไม่ขุ่นมัว ครอบครัวและคนรักของผู้ป่วยระยะท้าย มีส่วนสำคัญอย่างมากในการนำพาผู้ป่วยระยะท้าย เดินทางไปสู่เส้นทางโลกหน้าด้วยใจที่สงบสุข ไม่ต้องวิ่งเต้นทำบุญ ไม่ต้องสรรหาพิธีกรรมใด ๆ เพื่อยื้อตาย ขอเพียงอ้อมกอกที่อบอุ่น และความรักที่แวดล้อม ก็จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและความกังวลของผู้ที่จะจากไป ให้เดินทางไปสู่ภพภูมิที่ดีงาม โดยไม่เดียวดาย
วิชาชีวิต บทที่ 1 ตาย ศาสตร์ - รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์
การเตรียมตัวตายอย่างมีคุณภาพชีวิต เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องตั้งคำถามกับตนเอง ไม่ว่าจะเพื่อบุพการี ตัวเอง หรือแม้แต่เพื่อคนที่เรารัก ด้วยสังคมในทุกวันนี้ที่วิวัฒนาการทางการแพทย์เจริญก้าวหน้า คนเรามีอายุเฉลี่ยที่มากขึ้น แสดงว่าคนไทยมีอายุยืนขึ้น และอีกไม่ช้าสังคมไทยเราก็จะเป็นสังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ การเจ็บป่วยแล้วเสียชีวิตเมื่อก่อนมาจากโรคติดเชื้อ แต่ในวันนี้ คนไทยตายจากความเสื่อมของอวัยวะและร่างกาย “การยื้อความตาย” เป็นคำถามที่ต้องฉุกคิดทั้งคนที่ยังอยู่และคนที่จะจากไป ว่าเราจะมีวิธีการอยู่ หรือ จากไปอย่างมีความสุข ไม่กังวล และสุขภาวะที่ดีได้อย่างไร ...อยู่ให้เป็นสุข ตายให้สบาย...
หลักสูตร วิชาชีวิต
หนังสือ วิชาชีวิต เป็นการเรียบเรียงองค์ความรู้จากหลักสูตร “วิชาชีวิต” ภายใต้โครงการสื่อสารเพื่อส่งเสริมคุณภาพการอยู่อย่างมีความหมายจากไปอย่างมีความสุข โดยเนื้อหาเน้นการพูดถึงความตาย สิ่งที่หลายคนกลัวเพราะความเจ็บปวดก่อนตาย แต่ส่วนลึกของสิ่งที่ทุกคนกลัว คือการพลัดพรากจากคนที่รัก ดังนั้นการเรียนรู้และเข้าใจเรื่องคุณภาพชีวิตระยะสุดท้ายและวิถีการตายอย่างสงบ สมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ใน 4 มิติ ทั้ง กาย ใจ สังคม และจิตวิญญาณ จะทำให้ผู้ป่วย ผู้ดูแลผู้ป่วย และผู้สนใจ ได้มีวิชาชีพที่ดีในการเรียนรู้ที่จะก้าวข้ามความกลัวไปสู่โลกใหม่อย่างสงบสุข
ก่อการครู : ความเปลี่ยนแปลงของครูแกนนำรุ่น 1
วิดีทัศน์จากโครงการ ก่อการครู...ครูบันดาลใจ จุดไฟการเรียนรู้ สะท้อนกระบวนการสร้างการเปลี่ยนแปลงภาวะการเป็นผู้นำของ “ครู” เพื่อจุดประกายในการสอน และอบรมเด็กและเยาวชน เน้นการทำกระบวนการให้ครูฟังเสียงภายในตนเอง สร้างเครือข่ายกัลยาณมิตรครู เพื่อเห็นในคุณค่าความเป็นครู พร้อมที่จะถ่ายทอดวิชาความรู้จากภายในสู่ภายนอกด้วยความรักและเอาใจใส่ต่อศิษย์ด้วยหัวใจและเมตตา
ก่อการครู : ครูแกนนำ x คนรุ่นใหม่
วันนี้เราสามารถลุกขึ้นมาเป็น “ครู” ได้ เพียงเรามีหัวใจและพลังที่พร้อมกล้าเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาของไทย คุณจะเป็นครูประจำโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา คุณจะเป็นครูสอนพิเศษ คุณจะเป็นนักออกแบบเกม คุณจะเป็นนักวิจัย หรือนักสื่อสารก็ตาม เราทุกคนสามารถสร้างโอกาสทางการศึกษาที่ดีให้กับเด็กได้อย่างสร้างสรรค์ ลดความเหลื่อมล้ำในระบบการศึกษา และสร้างโฮกาสและความเท่าเทียมให้กับทั้งครู เด็กนักเรียน และระบบการเรียนการสอนในบ้านเรา
ก่อการครู PLC ก่อการครู ร.ร.ชุมชนบ้านผานกเค้า
กระบวนการเรียนรู้ที่มีชีวิต หรือ PLC เป็นการเปลี่ยนแปลงการศึกษาที่เน้นการเปลี่ยนแปลงเด็กให้มีความสุขในการเรียนที่มากขึ้น แล้วสุดท้ายก็จะส่งผลมาที่ครูผู้สอนให้มีความสุขด้วยเช่นกัน โรงเรียนชุมชนบ้านผานกเค้า จ.เลย เน้นการเรียนการสอนแบบ PLC ที่มีการเปิดใจ เปิดหู เปิดตาในการเรียนการสอน โดยใช้หลักการฟังทุกเรื่อง ฟังให้จบ มองให้ทั่ว ไม่ด่วนตัดสิน แล้วเมื่อนั้นทั้งศักยภาพของเด็กและครูก็จะเกื้อหนุนกันอย่างมีความสุข
ก่อการครู โมดูล 1 ครูคือมนุษย์
ก่อนที่การเรียนการสอนของครูจะสร้างพลังในการเรียนรู้ให้กับเด็ก “ครู” ต้องรู้จักตัวตนที่แท้จริงของครูก่อน ว่าครูคือมนุษย์ ตระหนักในคุณค่าความเป็นครู ขณะเดียวกันครูก็ต้องเปิดใจยอมรับในศักยภาพ และความแตกต่างของเด็ก ซึ่งในความแตกต่างอาจเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ครูต้องไม่ด่วนตัดสินเด็ก ครูจะต้องเปิดใจ เปิดหู เปิดตา ในการรับฟังเด็กด้วยหัวใจ จากนั้นระบบการศึกษาก็จะเป็นการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ไม่ใช่การใช้อำนาจสั่งการและบังคับอีกต่อไป
ก่อการครู วิชา Magical Classroom meaningful learning
เวทมนตร์ของครู คือการเข้าไปนั่งอยู่ในใจของเด็กได้ ครูทุกคนมีเวทมนต์อยู่ในตัวทุกคน ก่อนอื่นครูจะต้องใช้หัวใจในการสอน ในการพูดคุย ในการฟังเด็ก อยู่ในห้องเรียนร่วมกับเด็กด้วยหัวใจ เข้าใจและเรียนรู้ในธรรมชาติของเด็ก ว่าเด็กต้องการอะไร ต้องการสิ่งแวดล้อมแบบไหน ต้องการความปลอดภัยแบบไหน และแบบไหนที่เด็กได้รับแล้วจึงมีความสุข หากครูสามารถสัมผัสหัวใจของเด็กได้ เมื่อนั้นพลังแห่งเวทมนต์ของครูก็จะฉายแสงออกมาทันที
ก่อการครู : ก้าวแรกของก่อการครู
โครงการก่อการครู: ครูบันดาลใจ จุดไฟการเรียนรู้ เป็นการร่วมมือกันระหว่างเครือข่ายคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์และเครือข่ายที่ทำงานด้านการศึกษาในภาคประชาสังคม ซึ่งโครงการมีเป้าหมายในการสร้างครูผู้นำการเปลี่ยนแปลง สร้างพื้นที่การเรียนรู้ใหม่และแนวทางการสร้างครูผู้นำการเปลี่ยนแปลงให้เป็นอีกแนวทางเลือกให้กับการศึกษาไทย โดยจะเพิ่มทักษะองค์ความรู้ต่างๆ ของการเป็นผู้อำนวยการเรียนรู้หรือกระบวนกรให้กับครู เพื่อให้ครูกลับไปยังชั้นเรียนได้อย่างมีพลังและสร้างสรรค์ สามารถสร้างกระบวนการเรียนรู้แบบใหม่และสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับนักเรียนในรูปแบบองค์รวม เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนเติบโตไปอย่างมีคุณภาพและช่วยพัฒนาประเทศต่อไป
Collective Happiness สุขร่วมสร้าง
ความสุขที่เริ่มต้นจากจุดเล็กๆ เริ่มจากตัวเราเองสู่ครอบครัว สู่คนรอบข้าง แล้วค่อยๆส่งต่อความสุขออกไปสู่สังคม ความสุขของคนเราเกิดได้จากหลายปัจจัยที่แตกต่างกัน สุขที่ได้เห็นคนในครอบครัวหรือคนที่เรารักมีความสุข สุขจากการที่ได้ทำกิจกรรมที่เรารัก สุขที่ได้ทานของอร่อย สุขแบบพอเพียง สุขที่ได้ร่วมช่วยเหลือแบ่งปัน หากคนในสังคมมีความสุข มีสุขสภาพจิตใจที่พร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ของตน ย่อมส่งผลดีต่อการพัฒนาสังคมและยังเป็นการร่วมกันช่วยลดความทุกข์ให้สังคมให้เกิดสุขในภาพรวมได้
ก่อการครู : ทัศนะ ดร.กันตพงศ์ คงหอม ครูแกนนำรุ่น 1
ดร.กันต์พงศ์ คงหอม ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านสี่แยก ครูแกนนำในโครงการก่อการครู ครูบันดาลใจ จุดไฟการเรียนรู้ รุ่นที่หนึ่ง และ นายสมโชค อารยา ประธานเครือข่ายผู้ปกครองโรงเรียนบ้านสี่แยก ได้ร่วมกันผลักดันและจุดประกายให้เกิดการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยให้ผู้ปกครองและคนในชุมชนมีส่วนร่วมส่งเสริมในจุดที่ขาดหายไป เพื่อสร้างความสมดุลและให้เด็กในชุมชนได้มีโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่ดีได้ รวมถึงได้นำหลักการระบบนิเวศเพื่อการเรียนรู้มาปรับใช้ในการพัฒนาโรงเรียน เพื่อทำให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยและเอื้อต่อการเรียนรู้
ด้วยแรงกาย แรงใจ และสายตาที่เฝ้ามอง
หนังสือเล่มนี้ เรียบเรียงขึ้นจากการจัดการกระบวนการเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนแปลงภาวะผู้นำ ภายใต้โครงการผู้นำแห่งอนาคต โดย สสส. ร่วมกับ คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อนำเสนอแนวทางการพัฒนาตนเอง โดยหันมาฟังเสียงภายในตัวเราให้มากขึ้น แทนการด่วนตัดสินหรือดูหมิ่นความคิดของผู้อื่นที่ดูผิดแปลกไปจากระบบสำเร็จรูปของสังคม ที่นับวันจะกลายเป็นรากลึกที่ฝังไปในระบบการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ควรถึงเวลาที่เราจะเปิดใจรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น และคิด วิเคราะห์อยากแท้จริง