กินเท่าไหร่ ออก (กำลัง) กายเท่านั้น
ยิ่งเรากินอาหารเข้าไปมากเท่าไร เพื่อสุขภาพที่ดี เราก็ควรออกกำลังกายเพื่อเบิร์นออกเท่านั้น ตัวอย่างเช่น กาแฟ 1 แก้วมี 115 กิโลแคลอรี่ ต้องวิ่งออกกำลัง 1.8 กิโลเมตร โจ๊กหมู 1 ชามมี 253 กิโลแคลอรี่ ต้องวิ่งออกกำลัง 4.1 กิโลเมตร ข้าวขาหมู 1 จานมี 438 กิโลแคลอรี่ ต้องวิ่งออกกำลัง 7 กิโลเมตร แต่ถ้าเป็นแตงโม 1 ถุงมี 8 กิโลแคลอรี่วิ่งออกกำลังแค่ 0.5 กิโลเมตรเท่านั้นเอง
ออกกำลังกายขณะตั้งครรภ์
คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถออกกำลังกายได้ การออกกำลังกายส่งผลดีทั้งต่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ ช่วยทำให้คุณแม่คลอดง่าย เด็กได้รับสารอาหารมากขึ้น เพราะหลอดเลือดของแม่ทำงานได้ดี อายุครรภ์ที่เหมาะสมกับการออกกำลังกาย เริ่มตั้งแต่ 4 เดือน ออกกำลังกายได้วันละ 30 – 40 นาที สัปดาห์ละ 3 – 4 วัน สิ่งที่ควรระมัดระวังคือ อย่าหักโหมออกกำลังกายมากจนเกินไป
10 พฤติกรรมการใช้ยาผิดๆ
ยารักษาโรค หากใช้ผิดวิธีอาจส่งผลอันตรายถึงชีวิตได้ จากการสำรวจพฤติกรรมของผู้ใช้ยา ส่วนใหญ่มักคิดว่าการใช้ยารักษาโรคคือการป้องกันโรค ทั้งที่แท้จริงแล้วการป้องกันโรคที่ดีที่สุดคือการดูแลสุขภาพของเราให้แข็งแรง นอกจากนี้การไม่ฟังคำแนะนำของเภสัชกร เพิ่มหรือลดยาด้วยตัวเอง การเก็บยาผิดวิธี การนำยาของผู้อื่นมาใช้ รวมทั้งการไม่มีวินัยในการใช้ยา เช่น ลืมกินยา ก็จะส่งผลอันตรายต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน
เสริมไอโอดีนเพื่อลูกในท้อง
ไอโอดีน เป็นแร่ธาตุสำคัญในการเจริญเติบโตของร่างกายและสมอง คุณแม่ตั้งครรภ์นั้นมีความต้องการไอโอดีนมากกว่าคนปกติ เพราะหากคุณแม่ขาดไอโอดีน จะส่งผลเสียต่อลูกในท้อง ทำให้เป็นโรคเอ๋อหรือสมองไม่พัฒนา ดังนั้นระหว่างการตั้งครรภ์จนกระทั่งหลังให้นมบุตร 6 เดือน คุณแม่ควรรับประทานอาหารที่อุดมด้วยไอโอดีน หรือรับประทานวิตามินที่เสริมแร่ธาตุไอโอดีนเสริมเพื่อสุขภาพของทั้งคุณแม่และลูกน้อย
กินผักผลไม้เยอะๆ แต่ไม่รู้ต้องเยอะแค่ไหน
ในแต่ละวันเราต้องกินผักและผลไม้ให้ได้ 400 กรัมขึ้นไป โดยมีวิธีการคำนวณปริมาณการกินที่เหมาะสมคือ ในจานอาหารของเราต่อ 1 วัน ให้มีผัก 4-6 ส่วน ซึ่ง 1 ส่วนของผักเท่ากับ 1 ทัพพี ส่วนผลไม้ ให้มี 1-2 ส่วน โดยให้เป็นผลไม้ที่หลากหลาย ไม่ควรเป็นผลไม้รสหวานมาก 1 ส่วนของผลไม้ ถ้าเป็นสตรอเบอรี่ องุ่น ให้มี 8-10 ลูก ถ้าเป็นกลุ่มกล้วย ส้ม แค่ 1 ลูกพอ ส่วนผลไม้ใหญ่ เช่น แตงโม มะละกอ สับปะรด ให้กิน 6-8 ชิ้น
รายงานสมรภูมิโรคเอดส์
สถานการณ์โรคเอดส์ในไทย มีผู้ติดเชื้อเอดส์เป็นอันดับ 41 ของโลก โดยในปี ค.ศ. 2012 มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์กว่า 20,000 คน และเป็นเรื่องน่าตกใจที่พบว่า เยาวชนไทยเป็นกลุ่มที่เสี่ยงกับโรคเอดส์เพิ่มมากขึ้น และมีเพียง 1 ใน 3 ของเยาวชนที่มีความรู้เพียงพอในการป้องกันโรคนี้
หยุดสูบบุหรี่แล้วได้อะไร
จากความเชื่อผิด ๆ ว่าเลิกสูบบุหรี่แล้วจะป่วย แท้จริงแล้วเพียงคุณเลิกสูบบุหรี่ 1 วัน ระดับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ในเลือดจะลดต่ำลง ภายใน 3 วัน คุณจะหายใจได้โล่งและมีเรี่ยวแรงมากขึ้น แล้วภายใน 1 ปี คุณจะลดอาการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และถ้าคุณเลิกสูบบุหรี่ได้ 5 ปี ก็จะลดการเกิดโรคหลอดเลือดในสมอง เพราะฉะนั้น เลิกสูบบุหรี่วันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีมากมาย