เร่งสร้างฐานแผ่นดินไทยให้มั่นคง คนไทยปลอดภัยจากภัยพิบัติโลก
หนังสือเล่มล่าสุดของ ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเวศ วะสี ท่านได้ให้วิสัยทัศน์ต่อการพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคงอย่างแท้จริง ผ่านการสร้างระบบสังคมที่เน้นชุมชนฐานรากนำไปสู่การพัฒนานโยบายระดับประเทศ ข้อคิดในหนังสือเล่มนี้ทำให้เรากลับมาใคร่ครวญว่า การพัฒนาที่มุ่งเน้นอำนาจเงิน การแข่งขันที่คัดผู้แพ้ออก และอยู่แบบตัวใครตัวมันแบบนี้ ทำให้เราเป็นทุกข์มากกว่าทำให้เรามีความสงบสุขอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงเวลาที่เราเผชิญวิกฤตรอบด้าน ดังเช่นช่วงโรคระบาดโควิด 19 สิ่งที่ทำให้เรารอดคือน้ำใจและความเอื้ออาทรของผู้คนรอบตัว อาจารย์ประเวศให้ทัศนะไว้ว่า “สังคมในอนาคตควรอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล โดยมีรูปธรรมเป็นชุมชนเข้มแข็งและมีภูมิคุ้มกันทั้งในชนบทและในเมือง” นี่เป็นแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชนมากกว่าการพัฒนาด้านเศรษฐกิจการเงินเพียงอย่างเดียว เพราะชุมชนเปรียบเสมือนรากฐานที่แข็งแรงและภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็งให้ประเทศเราฝ่าวิกฤตทุกรูปแบบไปได้ แนวทางการสร้างชุมชนเข้มแข็งทำได้อย่างไร มีลักษณะเป็นอย่างไร และจะสนับสนุนให้เกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นสิ่งที่ผู้เขียนได้ให้แนวทางไว้อย่างรอบด้าน อีกทั้งเน้นย้ำความสำคัญของการลงไปเรียนรู้และทำงานจริงร่วมกับชุมชน สิ่งสำคัญคือต้องมีกลไกที่ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมได้ เช่น สภาผู้นำชุมชนที่ไม่เป็นทางการ ให้คนไทยทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในกระบวนการประชาธิปไตยทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ แนวคิดนี้เป็นความพยายามที่ต้องการนำประเทศกลับคืนสู่ “ความสมดุล” อีกครั้ง ตัวอย่างเป็นรูปธรรมคือ องค์กรที่ประสบความสำเร็จในทำงานร่วมกับชุมชนและพัฒนาสู่ระดับนโยบายประเทศ ได้แก่ ขบวนการแพทย์ชนบทที่ได้รางวัลแมกไซไซ และองค์กรตระกูล ส.ทั้ง 8 องค์กร องค์กรที่ทำงานกับชุมชนฐานรากเหล่านี้ควรจะเป็นผู้นำที่เอื้อให้เกิดกลไกเหล่านึ้ขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง หรือ “ระบบการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล” ทำให้ประเทศไม่ล้มเมื่อเจอวิกฤตร้ายแรง
อรุโณทัยแห่งการตื่นรู้ สู่การขยายมวลความสุข
รู้หรือไม่ว่าในวันวันหนึ่งเราใช้สมองส่วนไหนในการดำรงชีวิตมากที่สุด สมองส่วนหน้าส่วนที่ใช้สติปัญญาไตร่ตรอง ส่วนกลางส่วนของความรู้สึก หรือว่าส่วนหลังที่เป็นส่วนที่ดึกดำบรรพ์ที่สุดเพียงเพื่อเอาชีวิตรอดไปวันๆ อรุโณทัยแห่งการตื่นรู้สู่การเคลื่อนขยายมวลความสุข โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์ประเวศ วะสี เป็นหนังสือที่พูดถึงการสร้างสุขภาวะทางปัญญา เพื่อการตื่นรู้ในระดับจุลภาคไปสู่ระดับมหภาค ด้วยการใช้สมองส่วนหน้าที่เป็นส่วนของมนุษย์ขั้นสูงในการเข้าถึงความเป็นจริง เพื่อให้เรารู้เท่าทันตนเองและเข้าใจความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในโลก รวมถึงการสร้างสังคมแห่งการตื่นรู้หรือสังคมยุคสมองส่วนหน้า ซึ่งเราทุกคนล้วนเป็นฟันเฟืองตัวหนึ่งหรือหนึ่งในมวลสารแห่งความสุขที่จะช่วยขับเคลื่อนสังคมไปสู่สังคมแห่งอารยะ
New Heart New World 2 ศ.นพ.ประเวศ วะสี
เปิดมุมมองการตื่นรู้ โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ. ประเวศ วสี ราษฎรอาวุโส สะท้อนให้เห็นว่า บางครั้งการทำความดีก็เกิดทุกข์ได้ เพราะไปยึดมั่นถือมั่นในความดีที่ทำ ยึดมั่นในตัวตน จึงมีจิตใจที่คับแคบ ไม่เป็นอิสระ การทำงานอย่างมีความสุขต้องปฏิบัติร่วมกัน มีการอยู่ร่วมกัน การถ่อมตัว เราไม่สามารถทำสำเร็จได้เพียงคนเดียว ทุกคนมีความสำคัญเท่ากัน เราต้องมีความรักและเมตตากรุณาต่อกัน สังคมไทยทุกวันที่วุ่นวาย เพราะต่างคนต่างยึดมั่นในความต้องการของตัวเอง ของพรรค ขององค์กร การจะปฏิรูประเทศไทย จะต้องคำนึงถึงส่วนร่วมจากฐานรากของสังคม พระเจดีย์ไม่สามารถสร้างได้จากยอด ต้องสร้างจากฐาน จึงต้องเรียนรู้และอยู่ร่วมกันด้วยรักและเมตตา เชื่อว่าทุกคนเป็นเมล็ดพันธุ์ที่มีศักยภาพหากได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน
มหาวิทยาลัยสร้างสรรค์คนรุ่นใหม่ กับการพัฒนาประเทศไทย โดย ศาสตราจารย์ นพ.ประเวศ วะสี
งานเขียนถอดความจากปาฐกถาพิเศษของ ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเวศ วะสี จากพิธีเปิดเวทีนำเสนอผลงานนักศึกษา เครือข่ายมหาวิทยาลัยสร้างสรรค์สังคม วันที่ 21 พ.ค. 2558 เนื้อหากล่าวถึงการสร้างสรรค์สังคม คือ การสร้างพลังอํานาจที่ 3 ขึ้นมาในสังคม ที่ต่างจากพลังอํานาจรัฐ พลังอํานาจเงิน ที่สำคัญหากสังคมไทยร่วมมือกันสร้างพลังที่ 3 นี้ขึ้นมาให้เต็มประเทศ ก็จะกลายเป็นกุญแจสำคัญการพัฒนาเด็ก เยาวชน นิสิต นักศึกษาจํานวนมากให้กลายเป็นคนรุ่นใหม่ที่ได้รับการศึกษา เข้าใจประเด็นของประเทศ และใช้เทคโนโลยีไอทีและสื่อสารในทางที่สร้างสรรค์ พร้อมทั้งลุกขึ้นมาเป็นกําลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต
คลิปเปิดงานนิทรรศการแสดงผลงานนักศึกษา เครือข่ายมหาวิทยาลัยสร้างสรรค์สังคม ปีที่ 2
ปาฐกถาพิเศษโดย ศ.นพ.ประเวศ วะสี ในพิธีเปิดงานเวทีนำเสนอผลงานนักศึกษาเครือข่ายมหาวิทยาลัยสร้างสรรค์สังคม ในโครงการเสริมสร้างพลังเยาวชนสร้างสรรค์สื่อเพื่อสังคมที่น่าอยู่ ปีที่ 2 ชี้ให้เห็นความสำคัญของพลังเยาวชนรุ่นใหม่ แม้จะเริ่มต้นด้วยการรวมตัวของเยาวชนกลุ่มเล็ก ๆ แต่เป็นพลังปัญญา พลังทางสังคม พลังจิตสำนึก ร่วมคิดร่วมทำที่จะสังคมสู่ความเจริญได้ในที่สุด