สำหรับผู้บกพร่องการมองเห็น
สำหรับบุคคลทั่วไป สมัครเพื่อดาวน์โหลดไฟล์สื่อต่างๆ ภายในเว็บไซต์
ค้นหา
คลิปบันทึกเสียงจากงานเวิร์คชอป ภาวนาตามวิถี โดย อ.ประมวล เพ็งจันทร์ ที่จะสร้างศรัทธาแห่งการตื่นรู้ เปิดมุมมองทางความคิดในการมองโลกรอบด้าน ทั้งโลกภายนอกและโลกภายในอย่างรู้เท่าทัน เพื่อให้เรารับมือกับการเปลี่ยนแปลงหรือสิ่งที่เข้ามากระทบกับการดำเนินชีวิตของเราด้วยความมีสติ ด้วยความเชื่อมั่นและมีศรัทธาในการดำเนินชีวิต รวมถึงตระหนักถึงคุณค่าของความเป็นมนุษย์ หนึ่งในธรรมชาติเล็ก ๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ พวกเราทุกคนโปรดมีความรู้สึกว่า พวกเรามีบุญที่สั่งสมไว้มากมาย จนเพียงพอแล้วที่จะได้สัมผัสกับความงดงามของชีวิตที่เราถือครองอยู่ โปรดมีความเชื่อมั่นว่า เรามีความสุขเหลือเกินที่ได้มีชีวิตนี้ และได้มีวันนี้ และเราจะมีความสุขเช่นนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันต่อไป จาก ภาวนาตามวิถี อ.ประมวล เพ็งจันทร์ 6 มีนาคม 2559
คลิปวิดีโอที่จะชี้วัดว่าเรา “ตื่นรู้” รึยังและคุณสมบัติของผู้ “ตื่นรู้” มีอะไรบ้าง ซึ่งการ “ตื่นรู้” นี้จะช่วยให้เราหันกลับมาสำรวจความคิดและตัวตนของเรา ให้เกิดสติและใช้สตินั้นสร้างการเปลี่ยนแปลงมุมมองในการมองโลก เพื่อให้เรามีมุมมองที่เปิดกว้าง มองทุกอย่างตามความเป็นจริง เข้าใจตัวเราและคนรอบข้างในสังคมมากขึ้น เมื่อเรา ”ตื่นรู้” ชีวิตของเราจะมีความสุข มีจิตเมตตา มองโลกและใช้ชีวิตร่วมกับทุกสรรพสิ่งด้วยความเข้าใจมากขึ้น พบ 32 ข้อ ตัวชี้วัดว่า “ตื่นรู้” มากแค่ไหน โดย ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ ส่วนหนึ่งจากเนื้อหาใน ภาคที่ 3 Awakening จาก หนังสือ New Heart New World 3 : หัวใจตื่นรู้ Guide Book สู่ความสุขที่แท้จริงเล่มแรก ที่เปิดเผย 7 ลำดับขั้นสู่การตื่นรู้
“หัวใจตื่นรู้” จะช่วยปลดปล่อยเราทุกคนให้เป็นอิสระจากพันธนาการของ “โซ่ตรวนแห่งความไม่รู้” โซ่ตรวนที่แข็งแกร่งที่สุด ที่กักขังชีวิตและจิตใจของเราทุกคนไว้ เพราะความไม่รู้ในความจริง ได้กลายเป็นความเห็นผิด ทำให้เกิดความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นตัวตน แต่โซ่ตรวนแห่งความไม่รู้นี้ จะหมดอำนาจลงได้ ก็ต่อเมื่อเราได้มองเห็นความจริงของตัวเราเอง “หัวใจตื่นรู้” นี้มีอยู่แล้วในตัวเราทุกคนและรอให้เราได้หันกลับมาสำรวจตัวตนภายในของเรา เพื่อสร้างหัวใจใหม่ ที่พร้อมเปิดรับความสุข ความงาม ความรักและความจริงของชีวิต
พ่อผาย สร้อยสระกลาง ผู้ใหญ่บ้าน กับมุมมองการ ”ตื่นรู้” ที่ได้จากห้องเรียนในธรรมชาติและจากการดำเนินชีวิตตามรอย..พ่อ ด้วยการนำเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต ซึ่งความพอเพียงนี้ ได้ทำให้พ่อผายค้นพบปรัชญาในการดำเนินชีวิต เห็นคุณค่าของธรรมชาติรอบตัวและค้นพบศักยภาพในตัวตน โดยพ่อผายได้นำคุณค่าและศักยภาพเหล่านี้มาพัฒนาต่อยอดให้เกิดประโยชน์และเกิดมูลค่าสูงสุด "ต้องมีสติสัมปชัญญะ สติคือมองอนาคตแล้วก็มองไปทางหลัง อดีตที่ผ่านมาทำอะไรบ้าง อนาตจะทำอะไรบ้าง" "พ่อบอกว่า ลูกท่องให้ได้นะ กินอิ่ม นอนอุ่น อยู่ดี หนี้หมด เท่านี้เอง วิชาเศรษฐี พ่อคือใคร พ่อคือในหลวงนี่แหละ พ่อของกระหม่อม แค่นี้เอง เดินตามรอยพ่อ" พ่อผาย สร้อยสระกลาง ผู้ใหญ่บ้าน
พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต กับความหมายของวิถีแห่ง “การตื่นรู้” หรือ “การรู้สึกตัวทั่วพร้อม” ปัจจัยที่นำไปสู่การทำความดี เป็นตัวที่ดึงเราออกมาจากความหลง ความยึดมั่นถือมั่นและความคิดของตัวเราเอง ให้กลับมาพิจารณาตัวตนด้วยสติอย่างรู้เท่าทัน เพื่อลดละปล่อยวางตัวตน ไม่ยึดติดและสร้างศักยภาพในตัวเราในการรับรู้ความเป็นไปของโลก ใช้ชีวิตได้อย่างมีสติรู้เท่าทันความคิดและมีเมตตา สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับทุกสรรพสิ่งได้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างเข้าใจ
คุณ นันท์ วิทยดำรง นักเขียน กับกระบวนการทางความคิด เรื่องราวส่วนประกอบที่ทำให้เรากลายมาเป็นเราจนถึงทุกวันนี้ การสืบค้นจิตใจของมนุษย์และการบันทึกความรู้สึกของตัวเอง เพื่อให้เรากลับมาอยู่กับตัวเอง สำรวจ สังเกตและทบทวนความคิดของเรา ที่เป็นตัวก่อให้เกิด ”อัตตา” ความอยาก การตัดสินผู้คน รวมไปถึงการฝึกปล่อยวาง ลดละตัวตนและรู้เท่าทันความคิดของเรา ซึ่งการรู้เท่าทันความคิดของเราจะเป็นตัวช่วยให้เรามีความสุขกับชีวิต มีจิตใจที่อ่อนโยนและเข้าใจสรรพสิ่งในธรรมชาติมากขึ้น "ผมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องกลับมาอยู่กับตัวเอง จะอยู่กับการเคลื่อนไหวของตัวเองก็ได้ จะอยู่กับใจของตัวเองก็ได้ มันทำให้เราเห็นกระบวนการการเกิดของมัน พอเราเห็นกระบวนการการเกิดของมัน ชำนาญๆขึ้น เราก็จะชำนาญการละวางมันง่ายขึ้น รู้ทันมันง่ายขึ้น ผมไม่ได้หมายความว่าทุกวันนี้มันไม่มีอารมณ์ ไม่ได้ไม่โกรธไม่อะไร แต่เรารู้สึกว่ามันไวขึ้น มันง่ายขึ้น มันมาน้อย มันมาแล้วเดี๋ยวมันก็ไปแล้ว" นันท์ วิทยดำรง นักเขียน
คุณ เฟิร์ส คาริญญ์ยวัฒ ดุรงค์จิรกานต์ นักร้องนำวง Slot Machine กับมุมมองการตื่นรู้ เป้าหมายและจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต ทั้งเรื่องการทำงานและตัวตน จากคนที่เคร่งเครียดเข้าไม่ถึง ได้เปลี่ยนแปลงมุมมองและตัวตนด้วยการเปิดใจลดละตัวตน ไม่แบ่งแยก มีความอ่อนโยนและเห็นใจคนรอบข้างมากขึ้น รวมถึงการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในการเรียนรู้และเข้าใจกับปัญหา เพราะเบื้องหลังของทุกปัญหาและความทุกข์นั้นมีความสุขที่ซ่อนอยู่ "ถ้าสูบน้ำออกจากโลกหมดเลย แผ่นดินมันติดกันหมดเลยนะ เราเองต่างหากที่มาแบ่งกันเอง นี่คือของฉัน นี่คือของเธอ" "มันเริ่มมาจากเราอยากเข้าใจข้างนอกก่อน พอเราอยากเข้าใจข้างนอกเยอะๆ มันก็ย้อนกลับมาว่า ถ้าเราเข้าใจตัวเองมากเท่าไหร่ ผมคิดว่าเราเข้าใจทั้งจักรวาลได้ คือมากกว่าโลกอีก โลกทั้งใบนี้จริงๆแล้วอยู่แค่ที่ตัวเรา" เฟิร์ส คาริญญ์ยวัฒ ดุรงค์จิรกานต์ นักร้อง / ศิลปิน
คุณเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา ได้บอกเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาในชีวิต จุดเปลี่ยนของชีวิตที่ได้สร้างแรงบันดาลใจในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในสังคม รวมไปถึงการตื่นรู้ รู้เท่าทันตัวเอง การยอมรับที่จะกลับมาพิจารณาตัวเอง ลองเปิดใจปรับมุมมองและพิจารณาปัญหาด้วยความเข้าใจ เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมที่เริ่มต้นได้จากตัวเอง "ผมเป็นมนุษย์ทั่วไป อยากมีเงิน ทุกวันนี้ก็มีหนี้สิน มีสิ่งที่จะต้องจ่าย แต่ผมก็รู้สึกว่า ถ้าจะต้องยอมทำบางเรื่องที่รู้สึกว่ามันฝืนใจ ถ้าต้องไปช่วยคนที่ผิด มันก็อาจทำให้เรารู้สึกย้อนแย้งในใจเราเอง เราทนไม่ไหวอ่ะ" "เคยทำงานแม้กระทั่งไม่มีเงินจะจ้างเพื่อนร่วมงาน มีผมทำคนเดียว เงินจะลงพื้นที่ยังไม่มีเลย แต่มันไม่ใช่ข้อจำกัดอ่ะ เราเคยลำบากกว่านี้มาแล้ว เคยผ่านอะไรที่โหดร้ายกว่านี้มาแล้ว ดังนั้นนี่มันจิ๊บจ๊อยมาก ท้องเราอิ่มอยู่ เรามีลมหายใจอยู่" เอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายฯ มูลนิธิกระจกเงา
คุณวิศิษฐ์ วังวิญญู นักเขียนและกระบวนกรกับชีวิตในอุดมคติ ยุคสมัยของสังคมที่ให้ความสำคัญกับความคิดในการแก้ปัญหาโดยปราศจากความรักความอ่อนโยนและได้พูดถึงเรื่องราวทั้งสามช่วงของชีวิต ที่เป็นจุดที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับตัวตนด้วยการตื่นรู้ “การตื่นรู้นี้” จะทำให้เราหันกลับมาพิจารณาตัวเรา พิจารณาความกระด้างของเรา ซึ่งเราสามารถเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มีความอ่อนโยนมากขึ้นและทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้นได้ เมื่อเรามีความสุขมากขึ้น สุขภาพก็จะดีขึ้นตามไปด้วย "ในวัยหนุ่ม ผมรักไม่เป็น ผมคิดว่ารัก มันรักด้วยสมอง เป็นผู้ชายที่ไม่มีความอ่อนโยน - แล้วผมก็ค่อยๆกลับมาเปลี่ยน ทำยังไงจะอ่อนโยน ทำไงจะมีความรักที่ผู้อื่นสัมผัสได้" "พอเราไม่รู้ตัว เราจะกลับไปสู่ความเคยชิน พอเราตื่นรู้ตัวมากขึ้นความกระด้าง ความอะไร เราก็เริ่มเห็น เราก็เลือก ไม่เลือกกระด้าง แต่เลือกความอ่อนโยน" วิศิษฐ์ วังวิญญู นักเขียน / กระบวนกร
คุณโตมร ศุขปรีชา นักเขียน กับการเปิดมุมมองทางความคิด ความทุกข์ ความสุขที่ปะปนกันอยู่ในทุกขณะและการเปลี่ยนมุมมองการมองโลกด้วยการอ่านหนังสือ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยขยายพรมแดนทางความคิด ขยายจิตใจให้กว้างขึ้นและยังทำให้เราค้นพบโลกอีกใบ “ที่ดีกว่า” โลกที่ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างปราศจากการตัดสิน เพื่อให้เราหันกลับมาดูตัวเองและตั้งคำถามกับโลกในปัจจุบันของเราว่าที่จริงแล้วเป็นอย่างไร "ตอนนั้นมีความสุขมากๆกับทุกอย่าง แต่ทันใดนั้นมันก็พัง เราคิดว่ามีสติ แต่เราไม่มี เห็นทุกข์มาเป็นก้อนๆ แต่มันน่าสนใจที่มันไม่ได้มาตลอดเวลา มันมาเป็นก้อน แล้วก็จะมีบางช่วงที่มันคลายลง ตอนนั้นได้เห็นเลยว่าไม่มีอะไรที่มาแล้วอยู่กับเราไปถาวร" "ชีวิตเป็นทุกข์ ไม่ได้หมายความว่า เรานั่งอยู่ตรงนี้แล้วเราไม่ทุกข์ มันทุกข์อยู่ตลอดเวลา โดยที่เรารู้ตัวและไม่รู้ตัว ต่อให้ตอนที่เรามีความสุข มันก็มีความทุกข์อยู่ด้วย" โตมร ศุขปรีชา นักเขียน
ครูดล ธนวัชร์ เกตม์วิมุต นักพูดและผู้สอนเครือข่ายชีวิตสิกขา ได้พูดถึงความเป็นมาในชีวิต การพูดคุยกับผู้ป่วยระยะสุดท้าย การเตรียมพร้อมกับความตายและจุดเริ่มต้นของการปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ ที่ช่วยสร้างความปีติ ความสงบให้เกิดขึ้นจากภายใน สร้างการตื่นรู้ ช่วยลดละความอยาก มีความใจเย็นและอดทนมากขึ้น ซึ่งต้นทุนจากการนั่งสมาธิเหล่านี้ สามารถนำมาประยุกต์ได้กับทุกเรื่องในชีวิตของทุกคน "เรามีต้นทุนพร้อมที่จะเตรียมตัวตายอยู่แล้ว เวลาไปเยี่ยมผู้ป่วย ทำไมบางคนรู้สึกห้อมล้อมด้วยความรู้สึกอบอุ่นใจ ร่างกายสงบ จิตสงบ ทำไมบางคนทุรนทุราย ไม่ได้มีเหตุบังเอิญ แต่มันสะท้อนได้เลยว่า เพราะเขาเคยใช้ชีวิตกันมาอย่างไร ช่วงนี้แหละเป็นช่วงที่มาพิสูจน์ เฉลยว่า กำลังจะไปไหนต่อ" ครูดล ธนวัชร์ เกตม์วิมุต นักพูด / ผู้สอน, เครือข่ายชีวิตสิกขา
พระโพธินันทะ กับหนทางแห่งความว่างเปล่า หรือ “สุญญตา” และการใช้ชีวิตอยู่บนฐานแห่งปัญญาญาณ ด้วยการมองเห็นตัวตนและละทิ้งตัวตนทางความคิด เพราะโลกแห่งความคิด คือ โลกแห่งมายา การทำให้ใจว่างเปล่าด้วย ”การตื่นรู้” ทำได้โดยการสังเกตความคิดและชำเลืองใจของเราอย่างมีสติ ซึ่งจะช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างรู้เท่าทันความคิดของตัวเราเอง ไม่ยึดติด ไม่แบ่งแยกหรือตัดสิน เพราะเมื่อเราใจว่าง ตัวตนหายไป เราจะรับรู้ได้ว่าทุกสรรพสิ่งเป็นเอกภาพเดียวกันกับเรา "ความคิดสร้างความรู้สึกว่ามีตัวเราขึ้นมา "ฉัน" "กู" แล้วก็ทำให้เกิดความเปรียบเทียบ ให้ค่าตัดสิน ลงความเห็นที่ขัดแย้ง สูงต่ำ ดำขาว ยาวสั้น เย็นร้อน ถูกผิด แล้วเราก็ยึดติดในความเห็นนี้ ยึดติดในสิ่งที่มากระทบ ใครว่าเราเป็นหมู เป็นหมา เราโกรธใช่ไหม ความยึดติดเหล่านี้แหละ คือปัญหาของชีวิตเรา" พระโพธินันทะ
เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้และ นโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่.